เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ฐิติพงษ์ เลิศวิริยะประภา รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เครือข่ายความร่วมมือภาคอุตสาหกรรม สำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) พร้อมด้วย คุณระพีพรรณ แก้วเพียงเพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี คุณชัยยศ หาญอมร ผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์โครงการ กฟผ. ดร.วัฒนา ศักดิ์ชูวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดนนทบุรี พระครูปลัดนนท์ กิตติปัญฺโญ (บุญแพ) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เผือก ร่วมกันเป็นประธานในพิธีเปิดใช้เทคโนโลยีเตาเผาศพอัจฉริยะแห่งแรกของไทย โดยมีศาสตราจารย์ ดร.สมรัฐ เกิดสุวรรณ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน-อวกาศ มจพ. หัวหน้าคณะนักวิจัยในโครงการวิจัยพัฒนาต้นแบบเตาเผาศพประสิทธิภาพสูง อัจฉริยะ ลดมลพิษ เป็นมิตรกับชุมชน ซึ่งเป็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ณ วัดโพธิ์เผือก อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
นางระพีพรรณ แก้วเพียงเพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า เตาเผาศพอัจฉริยะเป็นประโยชน์ต่อชุมชน ที่ช่วยลดมลภาวะก๊าซเรือนกระจกในภาพของประเทศ และลดโลกร้อน ปัจจุบันเตาเผาศพตามวัดต่าง ๆ ต้องดำเนินการตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดให้เตาเผาศพเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่ต้องควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2565 หากเตาเผาศพของวัดที่ยังไม่มีระบบบำบัดมลพิษ สามารถปรับปรุงให้สามารถควบคุมมลพิษได้อย่างอัตโนมัติ และใช้เชื้อเพลิงในการเผาไหม้ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากช่วยชุมชนโดยรอบวัดแล้ว ยังเป็นการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมของชาติด้วย
รองศาสตราจารย์ ดร.ฐิติพงษ์ เลิศวิริยะประภา รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เครือข่ายความร่วมมือภาคอุตสาหกรรม มจพ. กล่าวเสริมว่า มจพ. ร่วมกับ กฟผ. ดำเนินโครงการวิจัยพัฒนาต้นแบบเตาเผาศพประสิทธิภาพสูง อัจฉริยะ ลดมลพิษ เป็นมิตรกับชุมชน ในการศึกษาและประเมินสมรรถนะของเตาเผาศพและสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เกือบ 50 วัด พร้อมทั้งออกแบบเตาเผาศพอัจฉริยะ เป็นระบบไฮบริด โดยนำขดลวดไฟฟ้ามาใช้ ในการให้ความร้อนร่วมกับการใช้หัวเผาน้ำมัน เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการเผาไหม้ให้สมบูรณ์มากขึ้น ออกแบบให้การทำงานและการควบคุมระบบต่าง ๆ เป็นแบบอัตโนมัติ มีระบบเซ็นเซอร์วัดค่า และควบคุมความทึบแสงของควัน ระบบบันทึกข้อมูลการทำงานของเตาเผาศพผ่านระบบ IoT สามารถดูสถานะการทำงานต่าง ๆ ของเตาเผาศพผ่านแพลตฟอร์ม อีกทั้งสามารถแจ้งเตือนสภาวะการทำงานต่าง ๆ ของเตาเผาศพ พร้อมทั้งรายงานผลค่าใช้จ่าย ปริมาณการใช้เชื้อเพลิง ระยะเวลาในการเผา และมีระบบควบคุมมลพิษ
นายชัยยศ หาญอมร ผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์โครงการ กฟผ. ระบุว่า กฟผ. ตระหนักถึงความสำคัญ ในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องของคุณภาพอากาศ จึงได้ร่วมกับ มจพ. พัฒนาเตาเผาศพอัจฉริยะขึ้น ภายใต้แผนจัดการพลังงาน คุณภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม (EGAT Air Time) ด้วยการใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีผลต่อ สภาวะโลกร้อน รวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่าย ซึ่งเตาเผาศพอัจริยะนี้จะเป็นต้นแบบสำหรับวัดอื่น ๆ ในการนำไปปรับปรุงเตาเผาศพต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ การใช้งานเตาเผาศพอัจฉริยะหนึ่งครั้ง ลดการใช้พลังงานและเชื้อเพลิงได้กว่า 947 เมกะจูล หรือคิดเป็น 37% หรือเทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 167 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ หรือคิดเป็น 93.87 % สามารถลดค่าใช้จ่ายได้เกือบ 700 บาท หรือคิดเป็น 32.32 % และสามารถควบคุมค่าความทึบแสงของเขม่าควันที่ปล่อยจากเตาเผาได้ไม่เกิน 4%
รุ่งนภา/ข่าว
วุฒิสิทธิ์/ถ่ายภาพ