นายฉันทวัฒน์ หิริวัฒนศิลป์ ชื่อเล่น “เสือ” นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิศวกรรมเครื่องกล ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน-อวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ได้รับทุนการศึกษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช จำนวน 30,000 บาท ในงานทอดผ้าป่าสามัคคี 3 พระจอมเกล้า วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น “ผม” รู้สึกดีใจแล้วก็ขอบคุณทางมหาวิทยาลัยที่เลือกให้ผมเป็นผู้ได้รับทุน “ทุนนี้มีความหมายกับผมมากครับเพราะทำให้ผมนำมาใช้จ่ายค่าเทอมรวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการเรียนมหาวิทยาลัย” ทางบ้านของผมมีปัญหาในหลาย ๆ ด้านทำให้เกิดความขาดแคลนทุนทรัพย์ในการใช้จ่าย เมื่อมาศึกษาที่ มจพ. ผมเองก็ได้ยื่นเรื่องขอกู้ กองทุน กยศ. ผมได้รับความเมตตาจากมหาวิทยาลัยในการได้รับทุนในครั้งนี้ “เสือ” พูดด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ ยิ้มแย้ม และสดใสมาก ๆ บุคลิกเป็นคนตลกสายฮา ร่าเริง จริง ๆ ตัวตนผมเป็นหนุ่มตลกอารมณ์ดี จึงทำให้ผมมีเพื่อนเยอะครับ แต่แว๊บแรกที่เห็นเสือ คือ เหมือนมีความเซอร์ บวกกับลุคที่ดูนิ่ง ๆ พอพูดคุยกันแล้วใช่เลยเป็นหนุ่มอารมณ์ดีกันเลยทีเดียว
“เสือ” เล่าให้ฟังว่า จบจากโรงเรียนช่างฝีมือทหาร กรุงเทพฯ เหตุการณ์ที่ทำให้ได้มาเรียนที่ มจพ. ตั้งแต่สมัยที่ผมเรียนอยู่ในระดับ ปวช. คุณครูที่จบจากวิศวกรรมเครื่องกลที่สอนวิชาคณิตศาสตร์ ได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเกี่ยวกับชื่อเสียงในด้านวิศวกรรมศาสตร์ ทำให้เกิดความต้องการที่จะศึกษาต่อที่นี่ครับ และผมเชื่อว่า มจพ. มีรากฐานด้านวิศวกรรมศาตร์มาอย่างยาวนาน ดังที่มีชื่อเสียงปรากฏทั้งในและต่างประเทศ
การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยของผมก็ไม่ยากอย่างที่คิด เช่น หากเกิดความสงสัยในเรื่องที่ไม่เข้าใจก็จะสอบถามจากอาจารย์ รุ่นพี่ และเพื่อนๆ ที่เรียนสาขาวิชาเดียวกัน ส่วนความสัมพันธ์ด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนๆ ชั้นปีเดียวกัน ก็สนิทกัน ต่างให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเป็นเรื่องที่สมควรทำ เพราะคนเราไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว “การมีเพื่อนที่ดีค่อยช่วยเหลือในเวลาที่ยากลำบากก็เป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งที่มหาวิทยาลัยได้มอบให้กับเรา” ส่วนด้านประสบการณ์เกี่ยวกับวิชาชีพ ทางมหาวิทยาลัยก็มีให้มากมาย หากตัวเราคิดที่จะเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ย่อมไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้ มันคือประสบการณ์นอกห้องเรียน เช่นกัน งานพิเศษจากอาจารย์ เป็น Project ที่เปิดให้นักศึกษาที่สนใจเข้าร่วมในโครงการ เป็นต้น ซึ่งผมเองได้รับโอกาสให้ทำงาน ได้เรียนรู้วิธีการทำงาน การแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ช่วยเหลืองาน Project ต่าง ๆ จากอาจารย์ท่านหนึ่งทำให้เกิดประทับใจ ได้รับประสบการณ์อย่างมากมาย และภาคภูมิใจมากที่ได้ทำงานกับอาจารย์ถือว่าเป็น “ไอดอล” ของผมเลยครับ!!!
เคล็ดลับหรือวิธีที่จะช่วยทำให้เรียนได้อย่างมีความสุข และได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนผมก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่ “เรียนรู้ให้สนุก ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยให้เต็มที่” กิจกรรมใดที่ชอบที่รักก็สามารถทำควบคู่ไปด้วยกันได้ อย่างช่วงที่ทุก ๆ คนเจอผลกระทบที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ผมและเพื่อน ๆ ไม่สามารถจะเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยได้ ทุกคนก็เรียนออนไลน์ทำให้ไม่ได้เจอเพื่อน ๆ แต่เราก็สามารถปรับวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มันเปลี่ยนแปลงไป อย่างผมชอบร่วมกิจกรรม อยู่แล้ว ช่วงนั้นทางคณะได้จัดทำโครงการปรับพื้นฐานคณะวิศวกรรมศาสตร์ ( Pre Entaneer Project) เพื่อเป็นการปรับพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับวิชาต่าง ๆ ที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยผมก็ให้ความสนใจและเข้าร่วมกับกิจกรรมดังกล่าว นับว่ามีประโยชน์มากเลยครับ
สังคม การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แต่ละคนได้รับประสบการณ์ตรงหลาย ๆ อย่างสอนให้ผมรู้จักโลกที่กว้างมากขึ้น ทำให้พบเจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ สอนให้รู้จักการรับผิดชอบในตัวเอง รู้จักวิธีการจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้า
“เสือ” ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลตัวอย่างนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาด้านขาดแคลนทุนทรัพย์และมีพฤติกรรมที่ดี ในระยะอันใกล้นี้เราคงได้เห็นวิศวกรฝีมือดีที่จบการศึกษาจากรั้ว มจพ. ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้ ท้ายสุดหนุ่มตลก และสายฮาได้ฝากข้อคิดไว้ว่า “เรียนที่ไหนก็เท่หมด แต่เรียนให้จบเท่กว่า”
ขวัญฤทัย- ข่าว/สมเกษ -ถ่ายภาพ